รัวยิงหลานชายกำนันดังร่างพรุนดับสยอง

มือปืนเหี้ยมรัวยิง 13 นัดดับหลานชายกำนันดัง ใน อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ตายสยองกลางตลาดสด พยานอ้างมือปืนไม่พอใจที่เหยื่อพามากินข้าวต้มร้านเล็กๆไม่สมศักดิ์ศรี ขณะที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อว่าจะเป็นชนวนสังหาร

เมื่อวันที่ 8 มี.ค. พ.ต.ต.นครินทร์ มุกรินละไมมาด พนักงานสอบสวน สภ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต ที่ข้างตลาดเช้าปากพนังฝั่งตะวันตก ถนนศรีสมบูรณ์ อ.ปากพนัง จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมฝ่ายสืบสวน แพทย์ รพ.ปากพนัง และมูลนิธิประชาร่วมใจ ในที่เกิดเหตุพบศพ นายประมวล ศรีเจ้า อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45 หมู่ 6 ต.หูล่อง อ.ปากพนัง ถูกยิงด้วยปืนขนาด 9 มม. เข้าตามลำตัว และศีรษะนับสิบนัด นอนเสียชีวิตจมกองเลือด นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุนปืนขนาดเดียวกันตกอยู่ 13 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายประมวล ผู้ตายเป็นหลานชายของกำนันดังคนหนึ่งใน อ.ปากพนัง ปัจจุบันทำงานเป็นคนดูแลรีสอร์ทแห่งหนึ่งใน อ.ปากพนัง ก่อนเกิดเหตุผู้ตายพร้อมด้วยชายฉกรรจ์ 2 คน ได้ชวนกันขับรถมานั่งกินข้าวต้มที่ตลาดเช้าปากพนัง ระหว่างที่รอข้ามต้มอยู่นั้น ปรากฏว่าผู้ตายได้เกิดมีปากเสียงกับชายฉกรรจ์ที่มาด้วยกัน จน 1 ใน 2 ได้ชักปืนออกมารัวยิงใส่ผู้ตายอย่างไม่ยั้ง 13 นัดซ้อน ท่ามกลางความแตกตื่นของผู้คนที่มาเดินซื้อของในตลาด หลังก่อเหตุมือปืนได้วิ่งไปขับรถยนต์หลบหนีไป

ด้าน พ.ต.ต.นครินทร์ เจ้าของคดี เปิดเผยว่า ขณะนี้พอจะทราบแล้วว่าคนร้ายเป็นใคร โดยพยานที่เห็นเหตุการณ์ระบุว่า ผู้ตายได้พาคนร้ายทั้ง 2 ไปซื้อข้าวต้มที่ร้านดังกล่าว ซึ่งเป็นร้านขนาดเล็ก ทำให้คนร้ายไม่พอใจที่ผู้ตายพามากินข้าวต้มร้านเล็กๆ จนเกิดมีปากเสียงโต้เถียงกันดังลั่นร้าน โดยคนร้ายได้ตะคอกใส่ผู้ตายว่า “พามากินร้านเล็กไม่สมศักดิ์ศรี” ในขณะที่ผู้ตายก็หันไปสั่งข้าวต้มโดยไม่สนใจใยดี คนร้ายจึงบันดาลโทสะชักอาวุธปืนรัวยิงใส่ผู้ตายจนล้มคว่ำเสียชีวิตคาที่ อย่างไรก็ดีทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นชนวนเหตุในการสังหารกันครั้งนี้ เนื่องจากพฤติกรรมของคนร้ายที่ลงมือ ลักษณะเหมือนมีความโกรธแค้นกันอย่างรุนแรงมาก่อน จึงจะต้องเร่งสืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป ทั้งนี้จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุ ก็พบว่าสามารถจับภาพรถยนต์ของคนร้ายไว้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะใช้เป็นเบาะแสในการติดตามตัวมือปืนรายนี้มาดำเนินคดี.



........................................
ที่มา  :  dailynews.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น